โมสร อาร์เซน่อล ตำนานทีมไร้พ่ายจากเกาะอังกฤษ

อาร์เซน่อล มาทำความรู้จักประวัติของ สโมสร อาร์เซน่อล สโมสรฟุตบอลที่สร้างตำนานไร้พ่ายในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ได้ยาวนานที่สุดจนถึงปัจจุบัน

ประวัติสโมสรฟุตบอลอาร์เซน่อล

ชื่อเต็ม : Arsenal Football Club
ฉายา : เดอะ กันเนอร์ส / ปืนใหญ่ (ในไทย)
ก่อตั้ง : ค.ศ. 1886 ในชื่อ ไดอัล สแควร์
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม (ความจุ: 60,704 ที่นั่ง)
เจ้าของ : โครเอนเก้ สปอร์ต แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนต์
ประธาน : เซอร์ ชิปส์ เคสวิก
ผู้จัดการทีม : มิเกล อาร์เตต้า
สโมสรฟุตบอลอาร์เซน่อล (อังกฤษ: Arsenal Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพซึ่งเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ ตั้งอยู่ในเขตอิสลิงทันในกรุงลอนดอน เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเป็นอันดับสามของอังกฤษ

โดยชนะเลิศลีกสูงสุด 13 สมัย, เอฟเอคัพ 14 สมัย (สถิติสูงสุด), ลีกคัพ 2 สมัย, เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 16 สมัย, ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย และ อินเตอร์-ซิตีส์แฟส์คัพ 1 สมัย อาร์เซนอลยังเป็นสโมสรที่เล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษติดต่อกันยาวนานที่สุด (ปี1920-ปัจจุบัน)

าร์เซน่อลก่อตั้งขึ้นในปี 1886 โดยคนงานในเขตวูลิช ในชื่อ สโมสรฟุตบอลไดอัล สแควร์ และในปี 1893 พวกเขาเป็นสโมสรแรกจากลอนดอนใต้ที่ได้ร่วมแข่งขันในฟุตบอลลีก ก่อนย้ายมายังลอนดอนเหนือในปี 1913 พร้อมทั้งย้ายสนามมายังอาร์เซน่อล สเตเดี้ยม ในย่านไฮบิวรี่ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 1914-15

ปี 1925 อาร์เซน่อลได้แต่งตั้งให้ เฮอร์เบิร์ต แชปแมน เป็นผู้จัดการทีมหลังจากเขาเคยพาฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์คว้าแชมป์ลีกมาแล้ว 2 สมัย ในฤดูกาล 1923-24 และ 1924-25 ซึ่งแชปแมนถือเป็นคนแรกที่พาอาร์เซน่อลก้าวเข้าสู่ความสำเร็จในยุคแรก เขาจัดการเปลี่ยนระบบการซ้อมและนำแทคติคใหม่มาใช้ และยังเป็นผู้ริเริ่มการปรับปรุงระบบไฟในสนามไฮบิวรี่ ทำให้อาร์เซน่อลกลายเป็นมหาอำนาจในวงการฟุตบอลอังกฤษในช่วงทศวรรษที่ 1930

เวนเกอร์ส เข้ามาเปลี่ยนวิธีการซ้อมใหม่ และยังเข้มงวดเรื่องโภชนาการกับนักเตะ รวมถึงมีนโยบายการสร้างทีมด้วยงบประมาณจำกัด พร้อมพาอาร์เซน่อลจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งแชมป์และรองแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 8 จาก 10 ฤดูกาลแรกรวมทั้งคว้าดับเบิลแชมป์ (แชมป์ลีก และ แชมป์เอฟเอคัพ) ได้สองครั้ง ในฤดูกาล 1997-98 และ 2001-02

นอกจากนี้ยังเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 1999-00 แต่แพ้จุดโทษ กาลาตาซาราย รวมทั้งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งในฤดูกาล 2003-04 โดยไม่แพ้ทีมใดเลยทั้งฤดูกาลจนได้รับฉายาว่า “ผู้ไร้เทียมทาน” (The Invincibles) และทำสถิติไม่แพ้ในลีกติดต่อกัน 49 นัดได้ในฤดูกาลต่อมาซึ่งเป็นสถิติไร้พ่ายยาวนานที่สุดตลอดกาลของอังกฤษ และยังได้แชมป์เอฟเอ คัพเพิ่มในปี 2003 และ 2005 รวมทั้งชนะเลิศคอมมิวนิตีชีลด์หลายสมัย โดยทีมชุดนั้นประกอบไปด้วยผู้เล่นชั้นนำ เช่น เธียร์รี่ อองรี, ปาทริค วิเอร่า, เดนนิส เบิร์กแคมป์, โรแบร์ ปิแรส และ แอชลีย์ โคล

อูไน เอเมรี่ กุนซือชาวสเปนเข้ามาคุมทีมในฤดูกาล 2018-19 และถือเป็นผู้จัดการทีมคนที่สองในประวัติศาสตร์สโมสรที่ไม่ได้มาจากสหราชอาณาจักร โดยพาทีมจบอันดับ 5 และได้รองแชมป์ยูโรปา ลีก หลังจากแพ้เชลซี 1-4 ก่อนโดนปลดในฤดูกาล 2019-20

หลังจากพาทีมเก็บชัยชนะได้เพียง 4 จากเกมลีก 13 นัดที่ผ่านมาและไม่ชนะ 7 นัดติดต่อกันหลังแพ้ แฟร้งก์เฟิร์ต 1-2 ในถ้วยยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่มเมื่อ 28 พ.ย. 2019 โดยให้ เฟรดริก ลุงเบิร์ก อดีตนักเตะระดับตำนานของทีมเข้ามารักษาการแทน จากนั้น มิเกล อาร์เตต้า เข้ามาคุมที และพาทีมจบอันดับ 8 ซึ่งเป็นอันดับที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1995 แต่ยังคว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้ด้วยการเอาชนะเชลซี 2-1

ฤดูกาล 2020-21 อาร์เตต้า ที่ได้คุมทีมแบบเต็มซีซั่นยังพาทีมทำผลงานในลีกย่ำแย่ต่อเนื่องจบอันดับ 8 เป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน ไม่ได้ไปแข่งขันฟุตบอลยุโรปในฤดูกาล 2021-22 และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปีที่สโมสรไม่ได้ไปเล่นรายการยุโรป ก่อนจะจบอันดับ 5 ในฤดูกาลต่อมา ทำได้เพียงไปเล่นยูโรปาลีก และตกรอบฟุตบอลถ้วยทุกรายการ

ฤดูกาล 2022-23 อาร์เตต้า ที่ยังคงได้โอกาสคุมทีมต่อเนื่องพาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมชนะ 12 จาก 14 เกมแรกในลีกแพ้เพียงนัดเดียวรั้งจ่าฝูงนำแมนฯ ซิตี้ 5 แต้มก่อนโดนฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายมาเบรกซึ่งต้องติดตามว่ากุนซือชาวสแปนิช วัย 40 ปี จะพาทีม “ปืนใหญ่” ไปถึงแชมป์ได้หรือไม่

บทความแนะนำ