แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดประวัติสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่มีแฟนบอลมากที่สุดในโลก มาทำความรู้จักประวัติของ ข่าวแมนยู สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนยูล่าสุด สโมสรฟุตบอลที่มีฐานแฟนบอลมากที่สุดในโลก อีกทั้งเป็นทีมที่มีนักเตะชื่อดังหมุนเวียนเข้ามาที่นี่อย่างไม่ขาดสาย แมนยู

ประวัติสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ชื่อเต็ม : Manchester United Football Club แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ฉายา : ปีศาจแดง
ก่อตั้ง : ค.ศ. 1878 (ในชื่อ นิวตัน ฮีธ)
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด (ความจุ: 76,765 ที่นั่ง)
เจ้าของ : มัลคอล์ม เกลเซอร์
ประธาน : โจเอล เกลเซอร์, อัฟราม เกลเซอร์ แมนยูล่าสุด
ผู้จัดการทีม : เอริค เทน ฮาก
สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1878 โดยใช้ชื่อ นิวตัน ฮีต แอลวายอาร์ : Newton Heath LYR (Lancashire and Yorkshire Railway) เกิดจากพนักงานการรถไฟกลุ่มหนึ่งได้ก่อตั้งทีมฟุตบอลขึ้นมาเพื่อลงเล่นกับแผนกและบริษัทรถไฟอื่น ๆ โดยพวกเขาพยายามเข้าร่วมฟุตบอลลีกถึงสองครั้งแต่ก็ล้มเหลว เพราะไม่มีสโมสรใดให้การสนับสนุน แต่ในที่สุดพวกเขาได้รับการยอมรับเมื่อฟุตบอลลีกมีการแบ่งออกเป็นสองดิวิชั่นในเวลาต่อมาไม่นาน

ในตอนที่ ฟุตบอล ลีก ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1888 นั้น นิวตัน ฮีธ คิดว่าพวกเขายังไม่ดีพอที่จะร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งลีกร่วมกับทีมอย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ พวกเขาเลือกที่จะรอเข้าร่วมลีกในปี 1892 โดยตอนนั้น นิวตัน ฮีธ ได้สิทธิ์เล่นในระดับ ดิวิชั่น 1 ซึ่งเป็นลีกระดับสูงสุดของประเทศ แต่พวกเขาก็ตกชั้นสู่ ดิวิชั่น 2 อย่างรวดเร็วหลังจากเล่นในลีกสูงสุดได้เพียง 2 ซีซั่น

ปี 1902 นิวตัน ฮีธ ประสบปัญหาการเงินอย่างหนักจนถึงขั้นจะล้มละลาย โชคดีที่ได้ จอห์น เดวี่ส์ นักธุรกิจท้องถิ่นมาลงทุนกับสโมสร ซึ่งต่อมากลายเป็นประธานสโมสร รวมทั้งเปลี่ยนชื่อทีมมาเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1902 แมนยู

ปี 1903 เออร์เนสต์ แม็กนัลล์ ถูกแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของทีม และพาเลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 2 ได้สำเร็จจากสไตล์การเล่นที่รวดเร็ว และ สวยงาม กระทั่งฤดูกาล 1907-08 “ปีศาจแดง” สามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เป็นครั้งแรกใน ประวัติศาสตร์สโมสร จากนั้นปีถัดมาพวกเขาคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองหลังเอาชนะบริสตอล ซิตี้ 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ

หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาลงเล่นอีกครั้งในวันที่ 30 สิงหาคม 1919 แต่ต้องประสบปัญหาใช้งานสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ได้รวมถึงนักเตะบางคนอายุมากขึ้นหลังไม่ได้ลงเล่นอีกเลยตั้งแต่สิ้นสุดฤดูกาล 1914/15 ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการเซ็นสัญญาขอใช้สนาม เมน โร้ด สนามเหย้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมร่วมเมืองเป็นสนามเหย้า

ฤดูกาล 1921-22 แมนฯ ยูไนเต็ดต้องตกชั้นอีกครั้งหลังชนะเพียง 8 เกมจากทั้งหมด 42 นัด และต้องใช้ความพยายามอยู่ 3 ฤดูกาลกว่าที่จะขึ้นชั้นมาจาก ดิวิชั่น 2 อีกครั้งในฤดูกาล 1924-25 หลังจบด้วยอันดับ 2 ในลีกจากการแพ้แค่ 8 นัด

ส่วนแชมป์ในตอนนั้นคือ เลสเตอร์ ซิตี้ จากน้นพวกเขาตกชั้นอีกครั้งในปี 1931 ทำให้สโมสรจึงกลายเป็นโยโย่คลับเลื่อนชั้นสลับตกชั้นอยู่ตลอดและมีผลงานย่ำแย่จบอันดับ 20 ดิวิชั่น 2 ฤดูกาล1933-34 ซึ่งนับเป็นอันดับต่ำที่สุดตลอดกาลของสโมสรและตกชั้นสู่ดิวิชั่น 3 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร แมนยูล่าสุด

ฤดูกาล 1937-38 แมนฯ ยูไนเต็ดได้กลับมาเล่นลีกสูงสุด (ดิวิชั่น 1 ในตอนนั้น) อีกครั้งในฐานะรองแชมป์ดิวิชั่น 2 และจบด้วยอันดับ 14 ในฤดูกาล 1938-39 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการแข่งขันฟุตบอลก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง

ในเดือนตุลาคม 1945 ฟุตบอลกลับมาแข่งขันอีกครั้ง โดยแมนฯ ยูไนเต็ดแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ แมตต์ บัสบี้ ซึ่งต่อมาชายผู้นี้ได้สร้าง ยูไนเต็ด ให้กลับมาผงาดอีกครั้งเมื่อพาทีมคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 41 ปีในฤดูกาล

1951-52 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุค “บัสบี้ เบ๊บส์” อันยิ่งใหญ่ คว้าแชมป์ลีกได้สองสมัยติดต่อกัน ในฤดูกาล 1955-56 และ 1956-57 ด้วยผู้เล่นอายุเฉลี่ยเพียง 22 ปี และกลายเป็นสโมสรแรกของอังกฤษที่เข้าร่วมแข่งขันยูโรเปี้ยนคัพ ในปี 1957 พาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศก่อนที่จะตกรอบจากการแพ้เรอัล มาดริด

ในฤดูกาลถัดมา ระหว่างเดินทางกลับจากการแข่งขัน ยูโรเปี้ยน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศที่เอาชนะเรดสตาร์ เบลเกรด เครื่องบินที่มีผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ และนักข่าว เกิดอุบัติเหตุในตอนที่บินขึ้นหลังเติมเชื้อเพลิงที่มิวนิก ประเทศเยอรมนีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1958 ข่าวแมนยู

ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 23 คนโดยเป็นผู้เล่นของทีม 8 รายเสียชีวิตทันทีประกอบด้วย เจฟฟ์ เบนต์, โรเจอร์ ไบร์น, เอ็ดดี้ โคลแมน, ดันแคน เอ็ดเวิดส์, มาร์ก โจนส์, เดวิด เพ็กก์, ทอมมี่ เทย์เลอร์ และ บิลลี่ วีลัน รวมทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ซึ่งนับเป็นโศกนาฏกรรมที่สะเทือนใจที่สุดในวงการกีฬาทั่วโลกในขณะนั้น

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว แม็ตต์ บัสบี้ ตัดสินใจสร้างทีมขึ้นมาใหม่เพื่อสานฝันที่จะคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ให้ได้ โดยแกนนำยังเป็นนักเตะที่รอดชีวิตมาจากเหตุการณ์เครื่องบินตก รวมกับผู้เล่นจากทีมสำรอง, ทีมเยาวชน และนักเตะ ที่ซื้อเข้ามาใหม่ จนทีมเริ่มกลับมาแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ และเมื่อฝันร้ายได้ผ่านไปพวกเขาก็กลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในถ้วย เอฟเอ คัพ ปี 1963

ซึ่งในฤดูกาลนั้นเองนักเตะอย่าง จอร์จ เบสต์ , เดนนิส ลอว์ และ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน แจ้งเกิดขึ้นมาได้สำเร็จ และดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร เมื่อพวกเขาคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ 2 สมัยในรอบ 3 ปี (1964-65, 1966-67) นอกจากนั้นในที่สุดความฝันของ แม็ตต์ บัสบี้ ก็เป็นจริง เมื่อเขาพาทีมเอาชนะ เบนฟิก้า ทีมชื่อดังของโปรตุเกส ที่มี ยูเซบิโอ นักเตะชื่อก้องโลกร่วมทีม ด้วยสกอร์ 4-1 ที่สนาม เวมบลีย์ คว้าแชมป์ถ้วยสโมสรใบใหญ่สุดอย่าง ยูโรเปี้ยน คัพ (สมัยนั้น) ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรในซีซั่น 1967-68 แมนยู

หลังจากพาทีมครองเจ้ายุโรป บัสบี้ ตัดสินใจวางมือในเวลาต่อมาซึ่งนั่นดูเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนของแมนฯ ยูไนเต็ดอีกครั้งเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970 วิลฟ์ แม็คกินเนสส์, แฟร้งค์ โอ ฟาร์เรลล์ และ ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ ที่เข้ามารับงานต่อจาก บัสบี้ ต่างทำผลงานได้ย่ำแย่จนทีมต้องตกชั้นลงไปเล่นในดิวิชั่น 2 ในเวลาไม่นาน

ช่วงทศวรรษ 80 หลังจากที่กลับมาขึ้นมาในลีกสูงสุดอีกครั้ง พวกเขายังสร้างผลงานได้ไม่เป็นที่น่าประทับใจนัก ทำให้บอร์ดบริหารตัดสินใจดึง รอน แอ๊ตกินสัน เข้ามาคุมทีมแทนที่ของ เดฟ เซ็กซ์ตัน ในปี 1981พร้อมกับนำนักเตะใหม่หลายคนเข้ามาสู่ทีม

โดยเฉพาะ ไบรอัน ร็อบสัน กองกลางชาวอังกฤษที่ยอมจ่ายค่าตัวเป็นเงินกว่า 1.5 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติการย้ายทีมของเกาะอังกฤษในเวลานั้น แม้ “บิ๊กรอน” พาทีมคว้า แชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัยในช่วงสามปี คือใน ค.ศ. 1983 และ 1985 แต่การเปลี่ยนแปลงในรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เกิดขึ้นอีกครั้งในฤดูกาล 198-86 เมื่อทีมตัดสินใจปลด แอ๊ตกินสัน ออกจากตำแหน่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน

อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ อเบอร์ดีน สโมสรในลีกสกอตแลนด์ เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในวันเดียวกันกับที่แอตกินสันถูกปลดออก แต่งานของ “เฟอร์กี้” ดูเหมือนต้องพบกับความยากลำบาก เมื่อตอนนั้น ลิเวอร์พูล อริตัวฉกาจกำลังครองความยิ่งใหญ่ในอังกฤษอยู่ โดยมี อาร์เซน่อล และ เอฟเวอร์ตัน เป็นอีกสองทีมที่ไล่บี้กันได้อย่างสูสี ข่าวแมนยู

บทความแนะนำ